💚 “กกสะทอน” ชุมชนเล็กๆ ที่รายล้อมไปด้วยภูเขาสูงชันและสายหมอก ตั้งอยู่ในอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะภูลมโล 🌸 ที่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปดูดอกพญาเสือโคร่งสีชมพูสวยงาม และที่ขาดไม่ได้คือ ขิงคุณภาพที่ชาวบ้านปลูกปกคลุมอยู่ทั่วพื้นที่ จนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในแหล่งปลูกขิงที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย
จากขิงคุณภาพที่ปลูกด้วยความใส่ใจ ถูกนำมาแปรรูปด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิม กลายเป็นขิงผงสำเร็จรูป ที่มีรสชาติเข้มข้น มีรสหวานติดเผ็ดอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ที่จำเป็นต่อร่างกาย ดื่มได้ทุกวัยและทุกเวลา ถือเป็นของดีที่นักท่องเที่ยวชอบซื้อติดมือกลับไปฝากคนที่รัก
🍵 และในวันนี้ Hivecorps จะพาทุกท่านไปเจาะลึกจุดเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ขิงผงสำเร็จรูป ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการปลูกขิง เคล็ดลับและขั้นตอนการแปรรูปขิงผงสำเร็จรูปตามแบบฉบับกกสะทอน ไปจนถึงความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนในสายหมอกแห่งนี้ ผ่านบทสัมภาษณ์ของคุณนิยม กุลาชัย ตัวแทนจากบ้านกกสะทอน บอกได้เลยว่า แล้วคุณจะหลงรักชุมชนกกสะทอนและอยากลิ้มลองขิงผงสำเร็จรูปยิ่งขึ้น…

💚 เดิมที…ชาวบ้านในชุมชนกกสะทอนและชุมชนใกล้เคียง ประกอบอาชีพเกษตรกรเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการทำไร่ ปลูกข้าว ข้าวโพด พืชผัก รวมถึง “ขิง” พืชสมุนไพรและเครื่องเทศยอดนิยมที่มีการปลูกกันมาอย่างยาวนาน
โดยธรรมชาติของการปลูกขิง จะไม่ปลูกซ้ำที่จุดเดิม แต่จะปลูกหมุนเวียนพื้นที่ไปเรื่อยๆ และหลังจากผ่านไป 4-5 เดือนจึงย้อนกลับมาปลูกยังจุดเดิม แต่ชาวบ้านบางคนไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเพาะปลูกขิง ทำให้ต้องไปเช่ากับเจ้าของที่ดินที่มีพื้นที่ใหม่พร้อมปลูกและมีความสมบูรณ์ของดิน แต่ต้องแลกกับค่าเช่าที่ค่อนข้างสูง
จนกระทั่งในช่วงปี 2550 ทางอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ได้เปิดให้ชาวบ้านเข้าไปปลูกขิงในพื้นที่ราว 1,200 ไร่ได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นเวลา 3 ปี แต่มีข้อแม้ว่าต้องปลูกต้นพญาเสือโคร่งควบคู่ไปด้วย เพื่อเป็นการฟื้นฟูป่าและระบบนิเวศน์ ก่อนที่ในภายหลัง พื้นที่ดังกล่าวได้กลายเป็นจุดชมดอกพญาเสือโคร่งยอดฮิตของไทยและเป็นแหล่งปลูกขิงคุณภาพที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ
ต่อมาในปี 2555 องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ได้คัดเลือกชุมชนต้นแบบ 13 แห่ง เพื่อทำการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างยั่งยืน ซึ่งชุมชนกกสะทอน ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในชุมชนนำร่องดังกล่าว จากศักยภาพของพื้นที่และความพร้อมของผู้คน
และจากจุดนี้เอง ที่ทำให้ “ขิงผงสำเร็จรูป” ถูกชูให้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เด่นของชุมชนกกสะทอน เนื่องจากการใช้วัตถุดิบที่ผลิตในท้องถิ่นและเป็นองค์ความรู้ที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น เป็นมรดกที่ควรค่าแก่การรักษา และ ขิง ก็กลายเป็นพืชที่สร้างชุมชนกกสะทอนให้เป็นที่รู้จักในทุกวันนี้
💚ต้องบอกว่า ผลิตภัณฑ์ขิงผงสำเร็จรูปที่สร้างสรรค์โดยชุมชนกกสะทอนนั้น มีกระบวนการทำที่พิถีพิถันและใช้วิธีการแบบดั้งเดิม เริ่มตั้งแต่การคัดสรรขิงแก่เกรดคุณภาพสูง ที่มีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป เพื่อให้ได้ความเผ็ดติดปลายลิ้นอันเป็นเอกลักษณ์ จากนั้นนำมาล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นแว่นๆ หรือเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปสกัดให้ได้น้ำขิงที่มีความเข้มข้น
หลังจากคั้นน้ำขิงแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือจุดเตาถ่าน ตั้งกระทะทองแดง กวนให้งวด พอได้ที่แล้วก็ใส่น้ำตาลทรายแดง ตามสูตรที่ตวงไว้อย่างแม่นยำ จากนั้นน้ำขิงก็จะจับตัวกลายเป็นขิงผง ของดีที่ชุมชนกกสะทอนภูมิใจนำเสนอนั่นเอง…


💚 วิธีทำจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ทำสดใหม่ ใส่ใจทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้ขิงผงสำเร็จรูปคุณภาพดีที่สุด

💚 ขิงผงเนื้อละเอียด เวลาทานลงกับน้ำร้อน ดื่มในยามเช้าก่อนไปทำงาน รีเฟรชไปได้ทั้งวัน
💚 ขิง เป็นพืชสมุนไพรที่ได้รับการยอมรับให้เป็นยาอายุวัฒนะ เนื่องจากการอุดมไปด้วยแร่ธาติและวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามิเอ, บี 1, บี 2, วิตามินซี
ประโยชน์เด่นๆ ของการดื่มน้ำขิงคือ การช่วยปรับสมดุลในลำไส้ แก้อาการท้องอืด แน่นเฟ้อ อาการอาหารไม่ย่อย มีฤทธิ์แก้ปวด ลดปวดหัวหรือปวดประจำเดือน อีกทั้งขิงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ไม่เพียงช่วยยับยั้งริ้วรอย แต่ยังช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งอีกด้วย นอกจากนี้ ความเผ็ดร้อนของขิงยังมีสรรพคุณช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกาย เหมาะกับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก
และจากคุณประโยชน์นี้เอง ทำให้ผู้คนนิยมดื่มน้ำขิงร้อนๆ ในช่วงเช้าก่อนไปทำงาน หรือเพิ่มความหวานอีกนิดด้วยน้ำผึ้ง บอกเลยว่าอร่อยจนวางแก้วไม่ลงแน่นอน



💚 หลังจากที่ อพท. และชาวบ้าน ร่วมกันจัดตั้งชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนกกสะทอนในปี 2555 “กกสะทอน” ได้กลายเป็นหนึ่งในชุมชนที่มีชื่อเสียงด้านแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม จากการมีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาล้อมรอบ อากาศดีตลอดปี และมีไฮไลท์สำคัญอย่าง ภูลมโล ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ สามารถขึ้นไปชมทุ่งดอกพญาเสือโคร่งหรือทุ่งซากุระเมืองไทย ที่พร้อมใจกันผลิดดอกเบ่งบานเป็นทุ่งดอกไม้สีชมพูสดใสในช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ของทุกปี
และหากถามว่าการท่องเที่ยว ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นมากน้อยเพียงใด คำตอบก็คือเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร แต่เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากชุมชนกกสะทอน มุ่งเน้นการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือการท่องเที่ยวที่ตระหนักถึงทรัพยากรธรรมชาติ การเคารพในสังคม วัฒนธรรม และประเพณี พร้อมรักษาอัตลักษณ์ดั้งเดิมของชุมชนไม่ให้สูญหายไป
ยกตัวอย่างเช่น การจัดให้รถยนต์นำเที่ยวทุกคัน เตรียมถุงดำสำหรับเก็บขยะของนักท่องเที่ยว หรือการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เช่น กิจกรรมพาไปดูแหล่งปลูกขิงคุณภาพ หรือการ Workshop สอนทำขิงผง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้แลกเปลี่ยนและเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้านจริงๆ
“ถ้าชุมชนไหนที่เคยอยู่แบบสงบ แล้วมีการท่องเที่ยวเข้ามา เขาก็จะเริ่มที่จะเรียนรู้และนำไปพัฒนา บางคนที่เขาได้เริ่มเข้ามาสัมผัสก็เริ่มสนุก เพราะว่าของเราเน้นการท่องเที่ยวใช้เป็นเครื่องมือรักษาและฟื้นฟูมรดกนั่นเอง”


