💚 ถ้าพูดถึงอาหารเกาหลีที่ถูกปากถูกใจคนไทย หลายคนล้วนนึกถึงกิมจิกับหัวไชเท้าดองขึ้นมาเป็นอย่างแรก ทั้ง 2 อย่างนี้เป็นของคู่กันที่จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้ แล้วถ้าเกิดอยากทำธุรกิจส่งอาหารเหล่านี้โดยเริ่มต้นจากในบ้านเราก่อน จะต้องเริ่มจากตรงไหนและจะต่อยอดไปอย่างไรในยุคที่ทุกการใช้ชีวิตของคนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คุณภู สยุมภู แซ่เจิญ ประธานบริษัท บี เอ็ช ยู เนเชอร์ จำกัด วัย 18 ปี มีคำตอบให้ครับ
Hivecorps ขออาสาพาทุกคนไปทำความรู้จักและเจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จในการทำแบรนด์ “ไฉไล” ผ่านบทสัมภาษณ์สั้นๆ เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจและเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังประกอบธุรกิจในยุคปัจจุบัน ยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงแบบไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ✨
ในยุคปัจจุบันเราไม่อาจมองคนเพียงแค่ภายนอกได้อีกต่อไป ไม่แน่ว่าเด็กวัยรุ่นที่พวกคุณกำลังมองเขาอยู่ด้วยความเอ็นดู อาจจะเป็นนักธุรกิจมือทองที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดก็เป็นได้ เช่นเดียวกับเด็กหนุ่มคนนี้ “ภู สยุมภู แซ่เจิญ” หากมองกันผิวเผินเขาอาจจะไม่ต่างจากเด็กมัธยมที่พบเห็นได้ทั่วไปตามแหล่งวัยรุ่น มีคนจำนวนไม่มากนักที่ทราบว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือ ประธานบริษัท บี เอ็ช ยู เนเชอร์ จำกัด ผู้ผลิตและค้าส่งกิมจิแบรนด์ “ไฉไล” ที่กำลังถูกอกถูกใจวัยรุ่นในตอนนี้ ไม่เท่านั้นเขายังเป็นเจ้าของแบรนด์ร้านอาหารเกาหลี Seoul Wang ที่ปัจจุบันมีร้านอยู่ทั่วกรุงเทพถึง 6 สาขา ย้อนกลับมาที่หนุ่มภูอีกครั้ง ความรับผิดชอบมากมายเหล่านี้ อยู่ในมือของเด็กหนุ่มที่อายุเพิ่งจะอายุครบ 18 ปี ได้ไม่นานเท่านั้นเอง!
กิมจิและหัวไชเท้าดอง แบรนด์ “ไฉไล” ที่มีความหมายในภาษาจีนหมายถึง “เงินมา” มีจุดเริ่มต้นที่เรียบง่ายจากแรงบันดาลใจของครอบครัวที่ซึ่งชื่นชอบในการรับประทานอาหารเกาหลี ผนวกเข้ากับเทรนด์วัยรุ่นไทยในปัจจุบันที่กำลังอินเทรนด์กับกระแส Korean Fever เชื่อได้ว่าทุกบ้านทุกครอบครัวอย่างน้อยๆ ต้องมี 1 คน ที่ชอบดูซีรีส์หรือเป็นแฟนเพลงไอดอลจากเกาหลี แล้วการจะจับเทรนด์เกาหลีให้อยู่หมัดในไทยก็คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก “อาหาร” ประจวบเหมาะกับตอนทำรีเซิร์สตามห้างร้านที่พบว่ายังไม่มีเจ้าไหนในตลาดไทยทำแบรนด์กิมจิหัวไชเท้ามาก่อน จึงนำเอาไอเดียนั้นมาพัฒนาต่อยอดสู่ธุรกิจของตนเอง
เริ่มจากปรับปรุงพื้นที่บ้านให้เป็นโรงงานผลิตหัวไชเท้า ตามด้วยเริ่มหาสูตรการทำกิมจิที่ต้องบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่พี่เป็นไกด์อยู่เกาหลีพอดี เราเลยได้มีโอกาสเข้าไปเรียนรู้การทำกิมจิแบบออริจินอลต้นตำรับ แต่ถ้าเป็นกิมจิสูตรทั่วไปใครจะหาทานที่ไหนก็คงไม่ต่างกัน ดังนั้นเราจึงนำสูตรมาปรับให้มีความเข้มข้นขึ้น เรียกว่าเป็นกิมจิสูตรที่ปรับเพื่อให้ถูกปากคนไทย โดยใช้วัตุดิบจากเกาหลีแท้ๆ ก็เริ่มต้นมาจากตรงจุดนี้
เคยมีคำกล่าวว่า ‘เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง’ แล้วถ้าเริ่มต้นแบบตะกุกตะกักแถมยังมีอุปสรรคมากมายที่ถาโถมเข้ามาล่ะ จะยอมแพ้หรือว่าสู้เพื่อพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส?
คุณภูเลือกอย่างหลังครับ หลังจากที่เริ่มเข้ามาจับธุรกิจส่งออกกิมจิและหัวไชเท้าดองได้ไม่กี่เดือน สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น โรคระบาดที่ทำให้วิธีชีวิตคนทั่วโลกต้องเปลี่ยนไปก็ก้าวเข้ามาเป็นก้างชิ้นโตที่ทำให้ทุกธุรกิจมืดแปดด้าน กิมจิที่ผลิตจะก็หาคนซื้อไม่ได้ อย่าว่าแต่ขายเลย แค่จะเข้าไปนำเสนอสินค้ายังแทบจะไม่มีโอกาสด้วยซ้ำ จึง ทำให้กลับมานั่งทบทวนตัวเองอีกทีว่าในยุคนี้สมัยนี้มันต้องมีช่องทางที่จะพลิกวิกฤติให้เป็นความสำเร็จสักอย่าง และนั่นเองด้วยความคิดของคนยุคใหม่ที่เติบโตมากับเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดีย ทำให้เขาเกิดไอเดียในการทำร้านอาหารเกาหลีที่ชื่อ Seoul Wang ขึ้นมา “ในเมื่อขายวัตุดิบไม่ได้ เราก็เอามาปรุงเป็นอาหารส่ง Delivery ไปเลยก็หมดเรื่อง!”
ด้วยวิถีชีวิตแบบใหม่ที่ Delivery และ Social Media มีผลโดยตรงกับทุกชีวิต ทำให้ยอดขายอาหารของร้าน Seoul Wang เติบโตแบบพุ่งกระฉูด จนตอนนี้เปิดมาทั้งหมด 6 สาขา ทั่วกรุงเทพฯ แถมยังแย้มอีกด้วยว่า สาขาที่ 7 เร็วๆ นี้ฝั่งธนฯ เจอกันแน่นอน
“อย่าให้อายุเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จครับ ถึงผมจะเริ่มจับธุรกิจกิมจินี้มาไม่นาน แต่เมื่อมองเห็นลู่ทางในการต่อยอดไปข้างหน้าในอนาคต เราควรคว้าไว้ โอกาสมีอยู่ในอากาศมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคนี้ อยู่ที่ว่าใครจะสังเกตเห็นและไขว่คว้าให้มาอยู่ในกำมือ”
สยุมภู แซ่เจิญ
ประธานบริษัท บี เอ็ช ยู เนเชอร์ จำกัด