สิ่งที่เจ้าของร้านต้องรู้ เกี่ยวกับโครงสร้างต้นทุนร้านอาหาร!
เรื่องข้อผิดพลาดสำคัญอันดับต้นๆ ที่ทำให้ร้านอาหารจำนวนไม่น้อยต้องประสบกับภาวะขาดทุน หรือต้องปิดกิจการลงภายในเวลาไม่นาน นั่นเป็นเพราะเจ้าของร้านไม่มีการวางแผนหรือไม่รู้โครงสร้างต้นทุนมาก่อน ดังนั้น ในการทำร้านอาหาร ก่อนอื่นเจ้าของร้านจำเป็นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าแผนธุรกิจ โครงสร้าง และต้นทุนหลักของร้านคุณนั้นเป็นแบบไหน?
รู้ต้นทุนร้านอาหารทั้งหมด
เจ้าของร้านต้องวิเคราะห์ต้นทุนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกมาให้ได้ก่อนว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งหลักๆ ต้นทุนแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ค่าใช้จ่ายหลัก (Direct Cost) ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของวัตถุดิบในอาหารทั้งหมด รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ และค่าใช้จ่ายโสหุ้ย (Overhead Cost) ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับร้านอาหารทั้งหมด ได้แก่ ค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าขนส่ง และค่าเช่าสถานที่ (ในกรณีที่มี) ซึ่งเจ้าของร้านต้องหาสัดส่วนทั้งหมดออกมาให้ได้ว่า ร้านอาหารของคุณนั้น มีต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านใดบ้าง
กำหนดมาตรฐานต้นทุน
ในขั้นตอนนี้ อาจยากสำหรับมือใหม่ แต่ก็เป็นสิ่งที่ร้านอาหารต้องพยายามเรียนรู้ และกำหนดเองว่าในอาหาร 1 จาน จะขายราคาเท่าไหร่? ซึ่งราคาขายนี้ต้องรวมกับต้นทุนอื่นๆ ที่กำหนดไว้แล้ว โดยยกตัวอย่าง ถ้าคุณจะขายข้าวต้มหมูสับ ปริมาณ 200 กรัม ต้องมีต้นทุนอะไรบ้าง และจะตั้งราคาขายกี่บาท?
เทคนิคกำหนดราคาขาย
เจ้าของร้านต้องพิจารณาข้อเหล่านี้ประกอบไปด้วย เพื่อให้สามารถตั้งราคาขายได้อย่างเหมาะสม และลูกค้าเองก็ยินดีที่จะจ่ายราคาอาหารนั้นๆ
- Profit oriented > Margin? คือ การกำหนดราคาบนพื้นฐานของกำไร
- Cost oriented > % คือ การตั้งราคาบนพื้นฐานของต้นทุน
- Customer oriented > Satisfaction? คือ ความคุ้มค่ากับสิ่งที่ลูกค้าจ่าย
- Competitor oriented > Market คือ การตั้งราคาจากคู่แข่ง
- Product, Location, Economic, Promotion
(http://duangkamol13.blogspot.com/2017/08/4.html)
ตัวช่วยในการบริหารจัดการร้าน
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยถูกพัฒนามากขึ้น เพื่อเป็นตัวช่วยให้กับธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ ได้เข้ามาช่วยในการควบคุมต้นทุนของวัตถุดิบและสต๊อก ผ่านการเชื่อมต่อกับขายระบบขายหน้าร้าน รวมทั้งยังมีสูตรการผลิต (Bill of Material) สำหรับร้านที่มีครัวกลางผลิตเอง ซึ่งระบบนี้ จะช่วยวิเคราะห์การซื้อวัตถุดิบอย่างละเอียด เพราะมีการใส่สูตรการผลิต ทำให้ช่วยจัดการตัดสต๊อกได้อย่างถูกต้อง ซึ่งทุกครั้งที่มียอดขายอาหาร ระบบจะมีการตัดวัตถุดิบตามสูตรการผลิต ทำให้สามารถตัดสต๊อกได้อย่างแม่นยำ และอัปเดตข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ โดยที่เจ้าของร้านไม่ต้องปวดหัวกับการบริหารสต๊อกผ่านระบบ excel อีกต่อไป นอกจากนี้ ระบบยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบจัดการหน้าร้าน POS (Point of Sales) เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานให้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งยังลดการทำงานที่ซ้ำซ้อนอีกด้วย
หากคุณกำลังมองหาตัวช่วยเพื่อให้ร้านอาหารของคุณสามารถทำกำไรได้มากขึ้น ระบบ HIVE RI มีฟังก์ชันที่ครบวงจร สามารถบริหารจัดการต้นทุนร้านอาหารของคุณได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบจัดการเมนู ระบบสินค้าคงคลัง รวมทั้งระบบวิเคราะห์ข้อมูล ที่ทำให้คุณสามารถรู้ได้ว่า ค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งของร้านของคุณ หมดไปกับอะไรบ้าง เพื่อช่วยให้คุณแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด