เราเชื่อว่าเจ้าของร้านหลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า ‘FIFO’ กันมาบ้างแล้ว ซึ่งคำนี้ย่อมาจาก First in First out แปลง่ายๆ ว่ามาก่อนใช้ก่อน โดยเป็นวิธีที่ช่วยลดต้นทุนที่ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่ง แต่วันนี้เราจะมาลงรายละเอียดให้มากกว่านี้ว่า เทคนิค FIFO นี้จะทำอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับคำว่า ‘FIFO’ ให้ดีกันก่อน
‘FIFO’ ย่อมาจาก First in First out หมายความว่า มาก่อนใช้ก่อน ซึ่งหากวัตถุดิบที่ถูกซื้อเข้ามาก่อนก็จะถูกนำไปใช้ก่อน ส่วนวัตถุดิบที่เพิ่งซื้อก็จะเอาไปใช้ หลังจากวัตถุดิบที่ซื้อมาก่อนหมดแล้ว โดยวิธีนี้ เป็นการลดความเสี่ยงจากการเสื่อมสภาพ หรือหมดอายุของวัตถุดิบ
ทั้งนี้ เจ้าของร้านควรกำหนดมาตรฐานในการจัดเรียงวัตถุดิบ ด้วยการเรียงจาก วัตถุดิบที่ซื้อมาก่อนเอาไว้ด้านหน้า ส่วนวัตถุดิบที่เพิ่งซื้อเอาไว้ด้านหลัง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้พนักงานหยิบวัตถุดิบไปใช้ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ เจ้าของร้านควรทำเอกสารเช็ควันหมดอายุของวัตถุดิบ เพื่อที่คุณจะได้รู้ว่าวัตถุดิบไหนใกล้หมดอายุแล้ว จะได้รีบระบายออกให้ทันก่อนหมดอายุ รวมถึงคุณยังจะได้รู้ด้วยว่าร้านจะมีวัตถุดิบเพียงพอต่อการขายหรือไม่ ซึ่งในการเช็ควันหมดอายุของวัตถุดิบนั้น คุณจำเป็นต้องเช็คทุกอย่าง เพียงแต่เลือกเช็ควัตถุดิบที่มีอายุสั้นก็พอ นอกจากนี้ เจ้าของร้านควรหมั่นตรวจสอบเป็นระยะ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐานที่คุณกำหนดไว้ และช่วยให้ร้านอาหารลดความเสี่ยงต้นทุนอาหารสูง
เคล็ดลับที่ช่วยให้เทคนิค FIFO นั้นได้ผล
เมื่อคุณรู้แล้วว่า FIFO คืออะไร และมีประโยชน์ยังไง ต่อจากนี้ มาดูกันว่าเรามีเคล็ดลับอะไรดีๆ ที่ช่วยให้เทคนิคนี้ได้ผลมากขึ้น
วิธีที่ได้ผลมากสุดคือ การทำแถบสีและหมายเลขกำกับ เมื่อซัพพลายเออร์มาส่งวัตถุดิบที่ร้านคุณแล้ว พนักงานที่ตรวจเช็คและจัดเก็บวัตถุดิบ ควรนำแถบสีพร้อมหมายเลขเข้าไปติดทันที เพื่อให้คนหยิบใช้รู้ว่าตัวเองหยิบวัตถุดิบถูกต้องหรือไม่ โดยไม่จำเป็นต้องอ่านวันหมดอายุให้เสียเวลา สำหรับหมายเลข จะใช้ตรวจสอบว่า เมื่อหมดวัน วัตถุดิบที่ใช้ไปมีประมาณเท่าไหร่ และตรงกับยอดขายวันนั้นของคุณหรือไม่ นอกจากวิธีนี้ยังช่วยดูปริมาณการใช้ต่อวันแล้ว ยังเป็นการป้องกันวัตถุดิบสูญหายอีกด้วย
นอกจากนี้ เครื่องมือจัดเก็บวัตถุดิบ ก็เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้ามเหมือนกัน คุณอาจจะต้องเปลี่ยนจากตู้แช่แข็งแบบแนวนอน มาเป็นตู้สแตนเลสแบบแนวตั้งแทน เพราะจะทำให้คุณจัดเรียงวัตถุดิบก่อน–หลังได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
เนื่องจากระบบ FIFO นั้น เป็นการหยิบของที่มาก่อนเอาไปใช้ก่อน ซึ่งหากเป็นตู้แช่แบบแนวนอนจะทำให้ใช้วิธีนี้ลำบาก เพราะวัตถุดิบจะทับซ้อนกัน หรืออาจจะต้องเอาวัตถุดิบที่อยู่ข้างบนออกก่อน เพื่อเอาวัตถุดิบที่เพิ่งซื้อมาใหม่ใส่ไว้ด้านล่าง และค่อยเอาวัตถุดิบที่มาก่อนกลับไปใส่ไว้ด้านบนเช่นเดิม ซึ่งวิธีนี้จะทำให้คุณเสียเวลามากๆ แต่เมื่อคุณเปลี่ยนมาเป็นตู้สแตนเลสแบบแนวตั้ง คุณจะสามารถจัดเรียงวัตถุดิบได้อย่างเหมาะสม อย่าง วัตถุดิบใหม่ให้วางฝั่งซ้ายสุด หากหยิบใช้ ให้หยิบฝั่งขวาสุดและไล่ไปเรื่อยๆ โดยวิธีนี้จะช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้น
หากเจ้าของร้านคนไหนอยากให้การจัดการวัตถุดิบของร้านคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลองเปลี่ยนมาใช้ HIVE RI ระบบจัดการร้านอาหารที่ครบวงจร ด้วยระบบจัดการสินค้าคงคลังของเรา มีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ที่ทำให้คุณสามารถตรวจสอบรายละเอียดสินค้าได้อย่างครบถ้วน อย่างเช่น วันหมดอายุของสินค้า เป็นต้น ทำให้ง่ายต่อการจัดซื้อสินค้าครั้งต่อไป และหมดกังวลเรื่องสินค้าคงค้างสต๊อกไปได้เลย