ร้านดอกไม้ห้องเล็กๆ ขนาด 2 x 2 เมตร บริเวณอารีย์ซอย 1 ขยับขยายกลายมาเป็นร้านกาแฟดอกไม้ที่มีจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ด้วยความหลงใหลของ คุณแพร พานิชกุล ซึ่งจบปริญญาโท คณะกายวิภาคศาสตร์ (Anatomy) ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ที่เริ่มต้นธุรกิจร้านดอกไม้ขนาดย่อม แต่ด้วยความใส่ใจที่อยากให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายในการรอดอกไม้ จึงแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งในร้านทำเป็นบาร์เครื่องดื่ม เพื่อตอบโจทย์ที่ตนเองได้ตั้งไว้ แต่การขยายร้านทำไม่ได้ตามที่คิดด้วยขนาดของพื้นที่ คุณแพรจึงต้องเปลี่ยนทำเลร้านใหม่ ให้มีขนาดที่สามารถรองรับลูกค้าเพิ่มเติมในส่วนของร้านกาแฟ ดังนั้นจึงย้ายมายังที่ตั้งร้านปัจจุบัน ซึ่งเปิดมาแล้วถึง 3 ปี จนกลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจ ที่สามารถสร้างความแตกต่างจากคาเฟ่อื่นๆ ที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในขณะนี้ “กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว” Flower in Hand by P ก็เช่นกันที่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ต้องล้มลุกคลุกคลานอยู่พอสมควร จากการที่ทำเลร้านแห่งใหม่นี้เป็นซอยที่คนสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย จำนวนลูกค้าไม่มากอย่างที่ตั้งใจ ในขณะที่ผู้มาใช้บริการสำนักงานเขตฝั่งตรงข้ามก็ลดน้อยถอยลง เพราะเดี๋ยวนี้ทุกอย่างสามารถทำ Online ได้ทั้งหมดแล้ว เช่นเดียวกับการสั่งซื้อดอกไม้ที่ไม่จำเป็นต้องมาหน้าร้านอีกต่อไปในเมื่อเทคโนโลยีสามารถทำให้ทุกอย่างง่ายดายเพียงแค่ปลายนิ้ว ดังนั้นคุณแพรและคุณนิวผู้เป็นสามีซึ่งรับผิดชอบในส่วนของคาเฟ่ต้องระดมความคิดเพื่อให้ธุรกิจที่ทั้งคู่หลงใหลนี้อยู่รอดต่อไปได้อย่างยั่งยืน คุณนิว กิตติคุณ ชัยวัฒนธรรม เจ้าของร้าน FLOWER IN HAND…
การมาเยือนของโควิด-19 ทำให้ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบกันไปหมด โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร แม้จะมีบริการเดลิเวอรี่ช่วยต่อสายป่านให้ธุรกิจร้านอาหารให้อยู่รอดในช่วงนี้ไปได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางร้านที่มองว่าเดลิเวอรี่นั้นยังไม่ตอบโจทย์ แล้วหนทางของร้านนั้นจะเป็นไปในทิศทางใด? หนึ่งในร้านที่ตัดสินใจไม่จัดส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ คือร้าน Chocolatier ร้านอาหารและสารพันของหวานที่ออกแบบได้อย่างน่ารักน่าทาน แถมยังมีทำเลทองอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ลูกค้าหลายรายอยากทานแม้จะสั่งมาทานที่บ้านก็ได้ แต่ร้านก็ยังไม่มีวี่แววที่ให้มีบริการจัดส่งสักที Chocolatier ร้านช็อกโกแลตที่พร้อมไฝว้กับโควิดโดยไม่พึ่งเดลิเวอรี่ จุดเริ่มต้นของร้าน Chocolatier คือความชอบทำขนมของเจ้าของร้านและภรรยา รวมไปถึงการสรรหาชื่อร้านที่ตอบโจทย์ เห็นความเป็นตัวตนของร้านให้ได้มากที่สุด ซึ่งจุดเด่นของร้านคือการทำช็อกโกแลตที่ไม่เหมือนใคร และเหมาะกับลูกค้าทุกกลุ่ม จนได้ชื่อร้านว่า Chocolatier ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศส หมายถึง ความเชี่ยวชาญด้านช็อกโกแลต เมื่อได้ชื่อร้านแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการออกแบบโลโก้ร้านที่มีความพิถีพิถันไม่แพ้ชื่อร้าน โดยตัวอักษรร้านมีที่มาจากการใช้ช็อกโกแลตบีบเป็นตัวอักษร ส่วนด้านบนเป็นใบพัดตีขนม และการตกแต่งลาเต้อาร์ท ก่อนเปิดร้านยังมีความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน จึงไม่ต้องสืบเลยว่า ในส่วนของเมนูและการตกแต่งอาหารก็ต้องผ่านการเฟ้นหาวัตถุดิบที่ดีและมีคุณภาพไม่แพ้กัน ยิ่งในหลากหลายเมนูได้ผ่านการลองผิดลองถูกมาหลายครั้ง จนรับประกันได้เลยว่าทุกเมนูของร้าน Chocolatier นั้นคุณภาพเน้นๆ แน่นอน คุณนิธิ สุขประพฤติ (คุณยู) เจ้าของร้าน Chocolatier ด้วยเมนูอาหารที่หลากหลาย ผ่านการออกแบบและตกแต่งจนมีความสวยงามน่ารับประทาน ถ่ายรูปอัพลงโซเชียลได้เก๋ๆ ทุกเมนู แถมยังเป็นคาเฟ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จะมานั่งทานยามบ่ายคล้อยก็ได้อารมณ์สุนทรีย์ หรือจะมาดินเนอร์ช่วงค่ำก็ได้บรรยากาศสุดโรแมนติก ดังนั้นหากสั่งอาหารกลับไปทานที่บ้าน ก็จะไม่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดพิเศษนี้ และนี่คือเหตุผลที่คุณนิธิ…
หากคุณกำลังวางแผนที่จะเปิดร้านอาหาร หรือกำลังคิดจะบริหารจัดการร้านอาหารใหม่ ลองอ่านเทคนิคเหล่านี้ดู เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนทำร้านอาหาร รวมทั้งเรียกยอดขาย และแรงดึงดูดให้ลูกค้าเลือกจะมาร้านอาหารของคุณ Who: ใคร คือ ลูกค้าของคุณ? กลุ่มเป้าหมายคือคนกลุ่มไหน และคุณรู้จักพฤติกรรมของเขาดีหรือยัง? สำหรับการประกอบธุรกิจ ‘ร้านอาหาร’ หากไม่มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน หรือ การที่บอกว่าอาหารของร้านนั้นเหมาะกับลูกค้าทุกประเภท นั่นเป็นความคิดที่ผิด! และยังจะทำให้ร้านอาหารของคุณเจ๊งเร็วอีกด้วย ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยว่า ร้านอาหารของคุณจะเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย เพราะฉะนั้น การจะทำให้ร้านอาหารของคุณประสบความสำเร็จ จึงจำเป็นต้องมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อมอบบริการที่เหมาะกับกลุ่มลูกค้าของคุณมากที่สุด สำหรับการเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนนั้น ก็ใช่ว่าเจ้าของร้านจะตั้งขึ้นมาเองได้ แต่ต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ทำเลเปลี่ยน ลูกค้าก็ต้องเปลี่ยนตาม: โดยวิธีการเลือกกลุ่มเป้าหมายสำหรับร้านอาหารนั้น คุณต้องเลือกทำเลที่ตั้งร้านให้ได้ก่อน ซึ่งเมื่อคุณได้ทำเลแล้ว ก็ค่อยเอามาวิเคราะห์ต่อว่า คนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น มีลักษณะอย่างไร มีพฤติกรรมแบบไหน แล้วค่อยเอาข้อมูลเหล่านี้มากำหนดกลุ่มลูกค้าของคุณให้ชัดเจน ราคาอาหารที่ตั้งไว้ ไม่ใช่ทุกคนจะจ่ายไหว: ไม่ใช่ลูกค้าทุกคนจะสามารถจ่ายค่าอาหารราคาสูงๆ ได้ ดังนั้น การเลือกกลุ่มเป้าหมายจึงไม่ใช่แค่การสุ่มเลือก แต่ต้องราคาอาหารในร้านของคุณด้วย ว่าสอดคล้องกับความสามารถกับการจ่ายของลูกค้าด้วย สไตล์ร้านเป็นแบบไหน คนเข้าร้านก็เป็นแบบนั้น: ข้อนี้สำคัญไม่น้อยกว่า 2 ข้อแรก เพราะต่อให้คุณคิดว่าเป็นทำเลที่ใช่…
แม้ว่าก่อนจะเปิดร้านอาหารคุณได้ทำการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับร้านอาหาร และวางแผนหาแนวทางแก้ไขมาแล้วก็ตาม แต่ปัญหายังไงถ้ามันจะเกิดก็ต้องเกิด วันนี้เราเลยจะมานำเสนอปัญหาที่มั่นใจว่า ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของร้านมือใหม่หรืออมือเก่าจะต้องเจออยู่ดี พร้อมกับแนวทางรับมือกับปัญหาเหล่านี้ โดยเราจะขอเรียกปัญหานี้ว่า “ปัญหา 4M” 1. Man (ปัญหาเรื่องคน) นับว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ทุกร้านต้องเจอ เพราะปัญหาเรื่องคนนั้นยากที่จะแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นพ่อครัวไปจนถึงพนักงาน อย่างเช่น ปัญหาดังแล้วแยกวง ที่พ่อครัวและทีมกุ๊กลาออกไปเปิดกิจการของตัวเอง และบางครั้งก็เอาสูตรของร้านคุณไปด้วย วิธีการแก้ปัญหานี้ ก่อนจ้างงานควรมีการเซ็นต์สัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรให้ชัดเจน เพื่อป้องกันสูตรอาหารของร้านโดนขโมยอีกด้วย อีกปัญหาคนที่เจ้าของร้านมักพบบ่อย นั่นคือ การขาด ลา มาสาย ทำงานผิดพลาดจนลูกค้าตำหนิ หรือทะเลาะกันเอง ทำให้เกิดการลาออกเป็นว่าเล่น เรื่องพวกนี้เจ้าของร้านต้องยอมรับไว้เลยว่า แทบทุกร้านต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งแนวทางแก้ปัญหานั่นคือ คุณต้องสร้างระบบการทำงานให้ชัดเจน หรือมีระบบให้ลงเวลาเข้า–ออก และออกกฎระเบียบการลา รวมไปถึงการจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับระบบการทำงาน เพื่อป้องกันการทำงานผิดพลาด นอกจากนี้ คุณก็ควรมีสวัสดิการที่ดี รวมทั้งมีค่าตอบแทนที่เหมาะสม เพื่อดึงดูดให้พนักงานอยู่กับคุณนานๆ 2. Method (ปัญหาเรื่องระบบการทำงาน) – ระบบการจัดการที่ดี ถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้คุณไม่ต้องเหนื่อยเข้าร้านทุกวัน เพราะหากร้านอาหารไหนไม่มีการวางระบบการทำงานที่ดี คุณอาจจะต้องวิ่งวุ่นเข้าร้านทุกวัน เพื่อคอยควบคุมการทำงานของพนักงานก็เป็นได้ – ปัญหาเรื่องเงิน ถือเป็นเรื่องที่คุณไว้ใจใครไม่ได้เลย ยิ่งธุรกิจร้านอาหารแล้ว มักมีช่องทางให้เงินรั่วไหลได้ทุกจุด ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือ การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย อย่าง ระบบ POS ที่ช่วยเก็บข้อมูลการขาย ที่แสดงผลยอดขายต่อวันได้อย่างชัดเจน…
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘การทำการตลาด’ (Marketing) นั้น มีความสำคัญกับธุรกิจทุกประเภท ซึ่งธุรกิจร้านอาหารก็เช่นกัน หากเจ้าของร้านอยากเรียกลูกค้าเข้าร้าน หรือให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น ในฐานะเจ้าของร้าน คุณต้องเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับการทำการตลาดให้มากขึ้นด้วยเช่นกัน เนื่องจากการตลาดในยุคนี้ ต้องเข้าถึงกลุ่มลูกค้าแต่ละคนให้มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละคนได้อย่างตรงจุด วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ ‘Hyper Personalization’ ซึ่งเป็นวิธีการทำการตลาดรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจ และเหมาะกับธุรกิจร้านอาหารเป็นอย่างมาก เพราะเป็นวิธีที่สามารถเข้าถึงข้อมูลความชอบของลูกค้าแต่ละคน ซึ่งคุณจะสามารถมอบบริการที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด Hyper Personalization คืออะไร? ก่อนที่จะมารู้จักกับ Hyper Personalization เรามาทำความรู้จักกับการตลาดแบบ Personalization กันก่อนว่าคืออะไร? โดยเมื่อก่อนการทำการตลาดแบบ Personalization เป็นแค่การจำชื่อลูกค้า หรือส่งข้อความและอีเมลหาลูกค้า โดยมีชื่อของลูกค้าพาดหัวกำกับ ไปจนถึงการจำวันเกิดลูกค้าได้ พร้อมกับให้ส่วนลดพิเศษ แต่การทำตลาดเพียงแค่นี้ อาจจะยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน จึงเกิดวิธีการทำการตลาดแบบ Hyper Personalization ขึ้นมา เพื่อเข้าถึงลูกค้าแบบตัวบุคคลมากขึ้น โดยการตลาดแบบนี้ เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ซึ่งไม่ใช่แค่ประวัติการซื้อสินค้าเท่านั้น แต่เป็นข้อมูลที่มาจากหลายช่องทาง เอามาประกอบกัน รวมทั้งข้อมูลที่ได้ต้องเป็นแบบเรียลไทม์ อย่างเช่น สิ่งที่ลูกค้าเพิ่งอ่านจบเมื่อกี๊ หรือสินค้าที่เพิ่งจ่ายเงินซื้อไป โดยข้อมูลเหล่านี้ จะถูกนำมาวิเคราะห์ และคาดเดาความต้องการของลูกค้าว่า…