“ร้านอาหาร” เป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่เริ่มหยุดกินข้าวนอกบ้าน เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ และหันมาซื้อกลับบ้านหรือสั่งเดลิเวอร์รี่แทน ทำให้ร้านอาหารมีต้นทุนแฝงที่สูงขึ้น ร้านอาหารบางแห่งจึงมียอดขายและรายได้ลดลง เพื่อช่วยร้านอาหารให้สามารถฝ่าวิกฤตไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ไปให้ได้ hive จึงอยากมาแนะนำวิธีการปรับตัวของร้านอาหารแบบ New Normal กันนะครับ จัดโต๊ะ จัดเก้าอี้ เว้นระยะห่างทางสังคม ในช่วงเวลาปกติ ร้านอาหารส่วนใหญ่ มักจัดวางโต๊ะเก้าอี้ให้เต็มพื้นที่ เพื่อให้รองรับลูกค้าได้หลายคน แต่ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 กลับมาระบาดในไทยอีกครั้ง ร้านอาหารควรเว้นระยะห่างระหว่างโต๊ะ ระหว่างที่นั่ง และระหว่างทางเดินประมาณ 1 – 1.5 เมตร หรือลองจัดโต๊ะในรูปแบบอื่นๆ เช่น จัดโต๊ะแบบห้องสอบ แบบสลับฟันปลา รวมถึงการติดฉากกั้นบนโต๊ะ เพื่อป้องกันการจามหรือไอจากผู้ที่นั่งบนโต๊ะเดียวกัน Delivery ช่องทางสร้างรายได้ที่น่าสนใจ จากวิกฤตการระบาดของโควิด-19 ช่วงต้นปี 2563 ทำให้หลายคนไม่กล้าออกไปกินข้าวนอกบ้าน และหันมาใช้แพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์แทน ส่งผลให้ธุรกิจรับส่งอาหารถึงบ้าน (Food Delivery) เป็นธุรกิจที่เติบโตสูง โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ช่วงครึ่งแรกของปี 2563 จำนวนครั้งของการจัดส่งอาหารไปยังที่พัก พุ่งสูงถึงร้อยละ 150 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว…
การให้คุณค่าอาหารไทย คุณแก้ม กาญจนา ทัตติยกุล (เจ้าของร้าน Pang Cha) เป็นคนชอบทานตั้งแต่เด็ก อาหารมีวัฒนธรรม ไปช่วยป้าแม้นทำขนมไทยโบราณ เช่น ขนมด่าง (เหมือนขนมถ้วยจีน) มีการคัดเลือกวัตถุดิบ วิธีการทำ เล่นทำขนม ฝึกทำขนมไทยและเอาไปขาย ที่บ้านทำธุรกิจเส้นก๋วยเตี๋ยว ทุกครั้งที่มีการประมูลข้าวเพื่อมาทำเส้น คุณพ่อจะต้องมีการเทสต์และปรับสัดส่วนวัตถุดิบทุกครั้ง เพื่อให้ได้เส้นก๋วยเตี๋ยวที่มีคุณภาพเหมือนเดิมทุกครั้ง สิ่งนี้ทำให้คุณแก้มซึมซับมาตั้งแต่เด็กๆ เสมอมา โดยทำมานานถึง 12 ปีแล้ว คุณแก้มดื่มชาตั้งแต่เด็ก จึงมีความผูกพันธ์กับคุณค่าของชามาตลอดชีวิต ทำให้คุณแก้มมีความพิถีพิถันในเรื่องชาเป็นอย่างมาก ทั้ง ชาแดง ชาดำ ชาอู่หลง เอามาคั่ว และหมัก สี รสชาติ ความขม กลิ่นหอมติดปลายจมูกของชาซีลอน ของชาอัสสัม นุ่มนวลของชาเอิลเกล ดื่มชานหนึ่งแก้วต้องอร่อย ความหวาน หอม อร่อย วางทิ้งไว้ 10 นาที ยังต้องอร่อยเหมือนตอนเสิร์ฟครั้งแรก เป็นสิ่งที่คุณแก้มให้ความสำคัญเสมอ นอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้าเพื่อนำมาปรับปรุงเพิ่มเติม ด้วยแนวความคิดที่อยากให้ชาไทยพุ่งทะยานไปติดอันดับโลก ความมีรสนิยม มีสไตล์ มีคนรู้จัก ยกระดับเป็น…
“วัตถุดิบที่ดี ต้องเลือกใช้ให้ถูกที่ ถูกจังหวะ ถูกเวลา จึงจะได้อาหารที่รสชาติดี คุณภาพดีและอร่อยอยู่เสมอ” นอกเหนือไปจากการบริหารคนในธุรกิจร้านอาหารแล้ว อีกเรื่องที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลยก็คือเรื่องของการบริหารจัดการในครัว ซึ่งใน Part 2 นี้ เราจะพาเจาะลึกลงไปมากขึ้น ในด้านการพัฒนาเมนูใหม่ๆ ของร้าน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า ซึ่งถือเป็นอีกสิ่งสำคัญที่จะทำให้ร้านสามารถอยู่ได้อย่างยืนยาว เมนูเด็ดของร้าน LukKaiThong เคล็ดลับ 12 ปีของคุณแสง มีหลักการอยู่ดังนี้ การแบ่งกลุ่มลูกค้าเป็น 4 กลุ่ม ตามช่วงอายุ คือ วัย 20, 30, 40 และ 50 ปี การทำความเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าในแต่ละช่วงวัย และแต่ละช่วงเวลา หากลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรม ต้องจับให้ได้แล้วปรับเมนูให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงนั้น เช่น เมนูยำ สมัยก่อนมีอยู่อย่างเดียว คือ xxx แต่ในช่วงปีที่ผ่านมา ลูกค้ามีพฤติกรรมในการสั่งอาหารประเภทยำหรือตำ มากกว่า 1 จานต่อโต๊ะ จึงมีการเตรียมเมนูใหม่ๆ เพื่อลองรับ เช่น ยำมะม่วงมรณะ, ยำสิบล้อ (สายยำ…
“อร่อยมากกก แต่แพง” คำอุทานเบาๆ เมื่อลูกค้าได้มีโอกาสลิ้มลองอาหารจีน ที่ถูกปรับให้ถูกปากคนไทยและต่างชาติ จนได้รับรางวัล Michelin Plate (มิชลินเพลท : ร้านอาหารคุณภาพดีที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่และปรุงอย่างพิถีพิถัน) โดยมีเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน คือ อาหารจีนฮกเกี้ยน “เคาหยก” และขนมหวานยอดฮิตทานได้ทั้งครอบครัว “ปังชา” ไว้ทานตบท้าย คุณแสง แสงณรงค์ มนตรีวัต CEO ลูกไก่ทอง ผู้ดำเนินชีวิตด้วยคติธรรม และความมุ่งมันในการพัฒนา ให้ concept ในการดำเนินกิจการว่า “ถ้าคนอื่นทำ เราจะไม่ทำ แต่ถ้าเราจะทำจะต้องทำให้ดีกว่า 3 เท่า” หลักการนี้ถูกนำมาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาสูตรอาหารภายในร้าน เพื่อให้ได้อาหารที่อร่อยที่สุด คุณภาพดีที่สุด เพื่อลูกค้า แต่ในยุคที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรงเช่นปัจจุบันนี้ แค่อาหารอร่อยยังไม่พอ ยังต้องมีการสื่อสารเรื่องราวให้ลูกค้าเข้าใจในคุณค่าของอาหารที่ถูกสร้างสรรมาอย่างดีด้วย คุณแสง ได้ยกตัวอย่างเรื่องผักบุ้งราคาจานละ 180฿ คำถามคือ “ทำไมลูกค้าถึงต้องยอมจ่ายเงินเพื่อทานผัดผักบุ้งแพงขนาดนี้?” คำตอบที่ได้รับ คือ ความเอาใจใส่ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ การตัดแต่งเอาเฉพาะส่วนที่สมบูรณ์ที่สุดโดยใช้มือเด็ดที่ละก้าน รวมถึงการปรุงโดยใช้ไฟที่แรง และระยะเวลาอันสั้น รวมถึงการเสริมเทคนิคที่ทำให้ผักบุ้งกรอบอร่อยจนลูกค้าทานหมดจาน นี่คือ เรื่องราวของ “ผัดผักบุ้ง” จานนี้…
ภาษีที่ “ร้านอาหาร” จะต้องจ่าย ถ้าว่ากันตามกฎหมายแล้วจริงๆ ก็จะมีภาษีหลักๆ ที่ต้องเสียอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน ทั้งหมดนั้นประกอบไปด้วย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา/นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีป้าย และภาษีที่ดิน ซึ่งทั้งหมดนั้นสามารถแจงรายละเอียดออกมาได้ดังนี้ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา/นิติบุคคล อันนี้เป็นเรื่องปกติที่คนไทยทุกคนที่มีรายได้ต้องเสียภาษี ผู้ประกอบการร้านอาหารก็เช่นกัน โดยผู้ประกอบการสามารถยื่นเสียภาษีได้แบ่งเป็น 2 รูปแบบ นั่นก็คือ ผู้ที่ไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งจะต้องนำส่งภาษีจากการคำนวณเงินได้สุทธิมากกว่า 150,000 บาท/ปี โดยที่ถ้าหากเงินได้ต่ำกว่านี้จะยังไม่ต้องเสียภาษี ส่วนการคำนวณเงินได้สุทธิมีหลักการคำนวณคือ เงินได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ ได้มาเท่าไร เอาไปคำนวณภาษีตามอัตราภาษี และในการเสียภาษีก็จะมีให้เลือกหักแบบเหมาหรือหักตามจริง ในขณะที่ถ้าหากผู้ประกอบการจดทะเบียนนิติบุคคล เงินได้ที่เป็นกำไรจะต้องถูกนำไปคำนวณเพื่อการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเช่นกัน โดยมีหลักอยู่คือ หากขาดทุนหรือกำไรไม่เกิน 3 แสนบาทของรอบระยะเวลาบัญชี 1 ปี ไม่ต้องเสียภาษี, เกิน 3 แสนบาทแต่ไม่เกิน 3 ล้านบาท เสียภาษี 15% และ…